ตอนนี้เป็นเรื่อง : เซนไดในฝัน เป็นเรื่องที่เจอเป็นหมู่ ในคณะที่เดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น ที่เคยไปด้วยกันหลายครั้งกับทัวร์ เวิลด์โปร ทัวร์ที่คุ้นเคยกันมาตลอด
ญี่ปุ่นเป็นดินแดนในฝันของหลายๆคน ที่อยากจะไปเยือน อยากสัมผัสอากาศ อยากเห็นธรรมชาติ และหิมะที่บ้านเราไม่เคยมี คราวนี้พวกเราเลยเลือกไปเซนได
ทริปนี้เดินทางวันที่ 7–12 ก.พ.2018 ของคืนวันที่ 7 สายการบิน TG8120 ถึงท่าอากาศยานเซนไดในเช้าวันที่ 8 ก.พ. ผู้ร่วมทริปประมาณ 15–20 ท่าน หมอไปกับภรรยา
ในทริปนี้ กลุ่มของเราเที่ยวกันอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง ตามโปรแกรมที่ทางทัวร์จัดไปตามโปรแกรมต่างๆจนถึงคืนของวันที่ 9 ก.พ.2018 ทัวร์ได้นำเข้าที่พัก Hoshino Resort Aomori Hotel หมอและภรรยาได้ห้องพักอยู่ชั้น 7 ชั้นเดียวกับครอบครัวของคุณจุ๋ม
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดที่คุณจุ๋มจะเล่านะครับ...โดยครอบครัวนอนกัน 3 คน เป็นห้องใหญ่สไตล์ญี่ปุ่น ตื่นตาตื่นใจกับความสวยของห้องนอนที่เราทั้ง 3 คนได้เข้าพัก คือ เรา (คุณจุ๋ม) คุณแม่ และคุณอา ที่โรงแรมนี้สวยมากค่ะ กิจกรรมของครอบครัวเราก็ดำเนินไปตามปกติ เมื่อเข้าที่พักก็ผลัดกันอาบน้ำ พอถึงช่วงเวลาที่จะนอน เราสามคนได้เลือกที่นอน คุณแม่นอนริมหน้าต่าง ตัวเรานอนตรงกลาง คุณอานอนถัดจากเราไป นอนเรียงกันสามคน ดึกแค่ไหนไม่มีใครทราบ เนื่องจากเราหลับกันไปแล้ว จากการเดินทางตลอดวัน พวกเราต้องรีบเข้านอนเพราะดึกมากแล้ว เราต้องตื่นกัน 06.00 น. ตามเวลานัดหมาย
...
ความน่ากลัวของค่ำคืนนี้ได้เริ่มจากคุณแม่นอนร้องเหมือนคนฝันร้าย คุณอาปลุกเราให้เราปลุกคุณแม่ เราก็ค่อยๆเขย่าแขนให้คุณแม่ตื่น คุณแม่ร้องแล้วสะดุ้งตื่น เราถามคุณแม่ว่า “ฝันร้ายเหรอ” คุณแม่บอกแบบเหนื่อยๆว่า “อืม”
พวกเราก็นอนต่อ...นานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ เราฝัน...ในความฝันนั้น...เราเดินอยู่ในอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนตึกร้าง ในความฝันมืดมากไม่มีไฟ เห็นรางๆในความมืด รู้สึกหนาวมากๆ มีหมอกหนาๆ เราเดินเข้าไป...ในความมืด มีเสียงใครต่อใครมากมาย ซึ่งเราฟังไม่ได้ศัพท์ เราฟังพวกเค้าไม่รู้ความ เค้าเหล่านั้นไม่ใช่คนไทย มีความวุ่นวาย มีเสียงร้องไห้ หลายคนตื่นกลัว เหมือนทุกคนกำลังเกิดปัญหาอะไรสักอย่างซึ่งเราไม่เข้าใจ แต่ที่เรากลัวคือ มีหลายคนวิ่งเข้ามาหาเรา พวกเค้ามาจับตัวเรา เหมือนคนจะจมน้ำแล้วไขว่คว้าหาที่ยึดจับ ซึ่งนั่นก็คือตัวเราที่เค้าเหล่านั้นไขว่คว้าจับเรา ดึงเรา และที่สำคัญพวกเค้าไม่ใส่เสื้อผ้า พวกเค้าตัวเปียก ผมเปียก มือเย็น และตัวซีดขาวมาก เรารู้สึกกลัวคนเหล่านั้นมากๆ จนเราร้อง และคุณอาเราปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากฝันนั้น...
พอรู้สึกตัวคุณแม่กับคุณอาบอกว่า กว่าเราจะรู้สึกตัวเรียกตั้งนาน คุณอากลัวเรา คิดว่าเราผีเข้า เพราะตอนคุณอาปลุกให้เรารู้สึกตัว เราทำตาขวางใส่คุณอาเหมือนคนไม่พอใจ เหมือนคนโกรธมาก แต่เราไม่รู้ตัวเองว่าเราทำตาขวาง ถ้าคุณอาไม่เล่าให้ฟัง
ดูนาฬิกาเวลาตี 3 พวกเรานอนต่อ...และแล้วเราก็ฝันอีกรอบเรื่องเดิม สถานที่เดิม คือในตึกร้างนั้นแหละ ตึกที่มืดมาก หนาวมากๆ มีความวุ่นวายเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมตรงที่มีเด็กฝรั่งเป็นผู้ชาย หัวล้าน ตาโต ไม่ใส่เสื้อผ้า ตัวซีดขาวและตัวเย็น เด็กคนนั้นคลานมาเกาะตัวเรา และยืนขึ้นมา ในฝันเรารู้สึกกลัวมาก กลัวเด็กฝรั่งคนนั้น เค้าร้องไห้ เค้าดึงเรา เหมือนขอให้เราอุ้ม ในฝันเรากลัวคนเหล่านั้น รวมทั้งเด็กฝรั่งที่มาเกาะเรา เราร้องอีกครั้ง ร้องออกในขณะที่เรากำลังหลับ...
คุณอาก็ปลุกเราอีกครั้งเช่นกัน เรารู้สึกตัวขึ้นมา เห็นคุณแม่กับคุณอา เรารู้สึกสติแตกบอกได้เลยว่า เราอยากจะร้องไห้ ใจเสีย กลัวมาก ดูนาฬิกาอีกรอบ เวลาเกือบตี 5 บอกกับตัวเองว่า เรานอนไม่ได้แล้ว เราไม่กล้าที่จะนอนต่อ เรากลัว...ทุกคนตื่นมาอาบน้ำ พวกเราไม่กล้านอนแล้ว เก็บกระเป๋านั่งรอเวลา...
...
เช้าที่ไม่สดใสของเราทั้งสาม นั่งรอเพื่อนร่วมทริปบนรถทัวร์คุณหมอหน่อง (หมอดื้อเอง...ชื่อเล่น) เดินขึ้นมาบนรถแล้วพูดคำว่า “เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย ฝัน...” เรารู้สึกตื่นเต้นคำว่า “ฝัน” ฟังที่คุณหมอหน่อง เล่าความฝัน เมื่อคืน...จะเป็นไปได้อย่างไร เรากับคุณหมอฝันคล้ายกันมาก เรื่องราวไม่ได้ต่างกันเลย ฝันเรื่องเดิมตลอดทั้งคืน
และต่อไปนี้คือสิ่งที่หมอได้ประสบในคืนเดียวกัน ในฝันนั้นเหมือนกับหมอเดินไปกับหมอรุ่นน้องที่เป็นแพทย์ประจำบ้านทางสมองเหมือนกับเวลาเราไปดูคนป่วยในโรงพยาบาล เป็นห้องค่อนข้างมืดแต่ตรงที่มีแสงสว่างเป็นเตียงคนป่วย บนเตียงมีคนป่วยไม่ใส่เสื้อผ้า แขนขาผูกมัดติดกับเตียงเพื่อไม่ให้มีการอาละวาด หน้าเหมือนคนญี่ปุ่น ผมดูเป็นผมที่ย้อมเป็นสีอื่น ในฝันนั้นเราก็ได้ปรึกษากันว่าจะช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างไร และก็ตกใจตื่นขึ้น เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วยังดูไปรอบๆห้อง พยายามไม่นึกถึงอะไรและเข้าห้องน้ำและกลับเข้า
มานอน
จากนั้นมีฝันอีก เป็นสถานที่มืดๆ มีเด็กตัวเล็กๆคลานอยู่ที่พื้นหลายคน ส่งเสียงแต่ฟังไม่รู้เรื่อง และพยายามคลานเข้ามาหาหมอเข้ามาจับขา คล้ายจะให้ช่วย จำไม่ได้ว่าขณะนั้นกลัวมากแค่ไหน แต่อีกใจหนึ่งอยากจะช่วยและตกใจตื่นเวลาประมาณตีห้า และก็ไม่ได้นอนต่ออีกเลย
หลังจากที่เล่าเรื่องที่ฝันให้กันและกันแล้ว อธิบายไม่ได้ว่าเกิดจากเหตุอะไรที่ทำให้ฝันได้คล้ายกันและในเวลาไล่เลี่ยกัน และรูปแบบลักษณะของการฝันเหมือนกัน แต่ที่แน่นอนคือ เราและทางคณะที่เดินทางได้พยายามแผ่บุญกุศล และกลับมาประเทศไทยก็ได้ทำบุญต่อ
เรื่องเหล่านี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อแต่ประการใดก็แล้วแต่ครับ และจะไปเกี่ยวข้องกับสึนามิครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่นที่ตรงกับเซนไดหรือไม่อย่างไร คงพูดไม่ได้ชัดเจน หรือผู้ที่เสียชีวิตยังไม่ได้ไปที่ไหนเลย.
...
หมอดื้อ